ปะเก็นแผ่น เป็นวัสดุที่ช่วยซีลป้องกันการรั่วไหล ระหว่างพื้นผิวสองด้าน เช่น ระบบท่อ หรือฝาปิดในเครื่องจักร โดยทำหน้าที่ช่วยป้องกันการรั่วไหลของของเหลวหรือแก๊ส และยังช่วยลดแรงสั่นสะเทือนหรือเสียงรบกวนในบางกรณี คุณสมบัติของปะเก็นแผ่น คือ เป็นชิ้นส่วนที่ใช้วัสดุหลากหลาย เช่น เหล็ก, ยางสังเคราะห์, หรือไฟเบอร์ เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน ในแต่ละอุตสาหกรรม
ชนิดของปะเก็นแผ่น
ปะเก็นแผ่นมีหลายชนิด ตามวัสดุที่ใช้ผลิต และประเภทงานที่ใช้ ซึ่งแต่ละประเภทมีจุดเด่นและข้อดี กับงานที่แตกต่างกัน
ปะเก็นยาง (Rubber Gaskets)
ปะเก็นยางเป็นหนึ่งในประเภทที่พบบ่อยที่สุด ทำจากยางธรรมชาติหรือยางสังเคราะห์ มีการคืนตัวดี ทนต่อการกัดกร่อนได้ดี และมีราคาประหยัด เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความยืดหยุ่น โดยเฉพาะในระบบท่อประปา และงานทั่วไปที่ไม่ต้องทนความร้อนสูง
ปะเก็นแผ่นโลหะ
ซีลโลหะมีความแข็งแรงทนทาน รองรับอุณหภูมิและแรงดันสูง มักใช้ในงานอุตสาหกรรมหนัก ที่ต้องรับแรงกดดันและอุณหภูมิสูงได้ดี เช่น ในท่อไอเสียเครื่องยนต์ หรือระบบท่อในโรงงานอุตสาหกรรม วัสดุที่นิยมใช้ ได้แก่ สเตนเลส, คอปเปอร์, และโลหะผสมเบา
ปะเก็นแผ่น PTFE
เทฟลอนหรือ PTFE มีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถทนการกัดกร่อนจากสารเคมีรุนแรง ไม่ติดไฟ และมีพื้นผิวลื่นไม่จับสิ่งสกปรก เหมาะสำหรับระบบที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี อุตสาหกรรมอาหารและยา และงานที่ต้องการความสะอาดสูง สามารถรองรับความร้อนและความเย็นสุดขั้ว
ปะเก็นใยอัด (Compressed Fiber Gaskets)
ผลิตจากเส้นใยอัดและวัสดุยึดเกาะ เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ทนความร้อนปานกลาง และเหมาะกับอุตสาหกรรมทั่วไป โดยเฉพาะระบบท่อแรงดันต่ำและปานกลาง
ปะเก็นกราไฟต์ (Graphite Gaskets)
ปะเก็นแผ่นกราไฟต์โดดเด่นด้านความทนความร้อน คือรองรับอุณหภูมิได้ดีเยี่ยม และมีความยืดหยุ่นดี ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพจากอุณหภูมิที่ขึ้นลงอย่างรวดเร็ว นิยมใช้ระบบเผาไหม้ภายใน โรงงานผลิตพลังงาน หรือระบบท่อไอน้ำ
สรุป
Gasket Sheet เป็นวัสดุสำคัญ ในกระบวนการผลิต ที่ช่วยลดการรั่วไหล ระหว่างข้อต่อของชิ้นส่วนต่าง ๆ โดยมีหลากหลายประเภท ตามวัสดุที่ใช้ผลิต เช่น ซีลยาง, โลหะ, เทฟลอน, ใยอัด, และกราไฟต์ ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เพื่อตอบสนองเงื่อนไขของแต่ละอุตสาหกรรม เช่น ความทนทานต่อความร้อน, ความสามารถในการซีล, ความต้านทานทางเคมี, และความทนต่อแรงดัน
การเลือกปะเก็นที่ถูกต้อง จึงต้องดูเงื่อนไขการใช้งานอย่างละเอียด อย่างรอบคอบ ทั้งสภาพแวดล้อมการใช้งาน, แรงดัน, การเปลี่ยนแปลงความร้อน, ระดับความเข้มข้นของสารเคมี, ต้นทุน, และข้อกำหนดของอุตสาหกรรม เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย
ชนิดของปะเก็นแผ่น

ปะเก็นยาง (Rubber Gaskets)
ปะเก็นยางเป็นหนึ่งในประเภทที่พบบ่อยที่สุด ทำจากยางธรรมชาติหรือยางสังเคราะห์ มีการคืนตัวดี ทนต่อการกัดกร่อนได้ดี และมีราคาประหยัด เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความยืดหยุ่น โดยเฉพาะในระบบท่อประปา และงานทั่วไปที่ไม่ต้องทนความร้อนสูง
ปะเก็นแผ่นโลหะ
ซีลโลหะมีความแข็งแรงทนทาน รองรับอุณหภูมิและแรงดันสูง มักใช้ในงานอุตสาหกรรมหนัก ที่ต้องรับแรงกดดันและอุณหภูมิสูงได้ดี เช่น ในท่อไอเสียเครื่องยนต์ หรือระบบท่อในโรงงานอุตสาหกรรม วัสดุที่นิยมใช้ ได้แก่ สเตนเลส, คอปเปอร์, และโลหะผสมเบา
ปะเก็นแผ่น PTFE
เทฟลอนหรือ PTFE มีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถทนการกัดกร่อนจากสารเคมีรุนแรง ไม่ติดไฟ และมีพื้นผิวลื่นไม่จับสิ่งสกปรก เหมาะสำหรับระบบที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี อุตสาหกรรมอาหารและยา และงานที่ต้องการความสะอาดสูง สามารถรองรับความร้อนและความเย็นสุดขั้ว
ปะเก็นใยอัด (Compressed Fiber Gaskets)
ผลิตจากเส้นใยอัดและวัสดุยึดเกาะ เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ทนความร้อนปานกลาง และเหมาะกับอุตสาหกรรมทั่วไป โดยเฉพาะระบบท่อแรงดันต่ำและปานกลาง
ปะเก็นกราไฟต์ (Graphite Gaskets)
ปะเก็นแผ่นกราไฟต์โดดเด่นด้านความทนความร้อน คือรองรับอุณหภูมิได้ดีเยี่ยม และมีความยืดหยุ่นดี ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพจากอุณหภูมิที่ขึ้นลงอย่างรวดเร็ว นิยมใช้ระบบเผาไหม้ภายใน โรงงานผลิตพลังงาน หรือระบบท่อไอน้ำ
สรุป
Gasket Sheet เป็นวัสดุสำคัญ ในกระบวนการผลิต ที่ช่วยลดการรั่วไหล ระหว่างข้อต่อของชิ้นส่วนต่าง ๆ โดยมีหลากหลายประเภท ตามวัสดุที่ใช้ผลิต เช่น ซีลยาง, โลหะ, เทฟลอน, ใยอัด, และกราไฟต์ ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เพื่อตอบสนองเงื่อนไขของแต่ละอุตสาหกรรม เช่น ความทนทานต่อความร้อน, ความสามารถในการซีล, ความต้านทานทางเคมี, และความทนต่อแรงดัน
การเลือกปะเก็นที่ถูกต้อง จึงต้องดูเงื่อนไขการใช้งานอย่างละเอียด อย่างรอบคอบ ทั้งสภาพแวดล้อมการใช้งาน, แรงดัน, การเปลี่ยนแปลงความร้อน, ระดับความเข้มข้นของสารเคมี, ต้นทุน, และข้อกำหนดของอุตสาหกรรม เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย